Sunday, May 26, 2013

แนท เผยว่า “ความรักดีค่ะ เรื่อย ๆ บางทีเรามีความสุขในชีวิตทั้งการทำงานและชีวิตส่วนตัว ทุกอย่างก็จะดีไปหมด ส่วนที่ผู้ใหญ่ในช่อง 7 ไม่อยากให้พูดเรื่องรักมาก มันอาจจะนิดนึง เพราะเราก็เป็นเด็กอยู่ด้วย ทำอะไรก็ต้องอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีใครเรียกเข้าไปพูดคุย คุณพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรกับเรื่องนี้ ปกติแนทเองก็คุยกับคุณพ่อทุกเรื่องอยู่แล้ว ถามว่าคุณพ่อไฟเขียวมั้ย อาจจะเป็นเพราะว่ามันยังอยู่ในสายตามากกว่า ตอนนี้เราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันปกติ นาน ๆ ทีเจอกัน ถ้าเราว่างก็มีกินข้าวนิดหน่อย ทุกวันนี้พี่เจ๋งยังเสมอต้นเสมอปลาย แนทว่ามันเหมือนวันแรกที่เจอกัน ยังรู้สึกดี ๆ ต่อกันเหมือนเดิม เรื่องการระวังตัวในการคบกัน เราก็พยายามทำตัวในชีวิตประจำวันให้ปกติที่สุด ส่วนสถานะกับพี่เจ๋งก็เหมือนเดิมค่ะ คุยกัน สนิทกัน ไม่ได้เรียกความสัมพันธ์แบบนี้ว่าอะไร สิ่งที่ประทับใจในตัวเขา คือเวลาที่เราคุยกันแล้วมันรู้เรื่อง เวลาแนทเห็นพี่เขาทำในสิ่งที่เขารัก ได้เห็นเขาร้องเพลง เราก็รู้สึกมีไฟขึ้นมาด้วยเหมือนกัน ส่วนที่ยังไม่อยากเรียกแฟน เพราะแนทอยากเป็นพี่แบบนี้เราคุยกันรู้เรื่อง เราค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปมันดีกว่า ยังไม่อยากรีบร้อน ความรักไม่ได้มีผู้ใหญ่มาขอไว้เลย เรื่องนี้แนทคิดว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคนที่คุยกันแล้วเป็นยังไง ทุกวันนี้ก็มีความสุขดีและโอเค ส่วนที่คนมองว่าเรากั๊กคำว่าแฟนไว้ เพื่อให้พี่เจ๋งออกมาพูดก่อน จริง ๆ ไม่ได้กั๊กนะคะ แนทคิดว่าเราทำทุกวันให้เหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องพูดว่าเป็นแฟนหรือเป็นเพื่อนกัน การที่เราคุยกันรู้เรื่องก็ดีที่สุดแล้ว มันไม่จำเป็นต้องเรียกว่าเป็นอะไรกันค่ะ”
ล่าสุดมีข่าวว่าเราขี้หึงขนาดไปตามถึงข้างเวที เวลาเขาเล่นคอนเสิร์ตด้วย? “ไม่เคยไปตามถึงข้างเวทีนะคะ ก็ไปดูคอนเสิร์ตธรรมดานี่แหละ ไม่มีไปเฝ้า ด้วยความที่เราถ่ายละครทุกวันก็ไม่มีเวลาไปตามขนาดนั้น ถามว่าแนทขี้หึงมั้ย แนทว่าทุกคนขี้หึงหมด แต่มันเป็นเรื่องการทำงานมากกว่า เราทำงานจุดนี้ก็ต้องเข้าใจกัน ส่วนพี่เจ๋งเองเจอแฟนคลับสาว ๆ เยอะ เรามีแอบหวง ๆ บ้างมั้ย คือแนทดีใจมากกว่าที่ทุกคนชื่นชอบ เราไม่มีหวงเลย ดีมากกว่ากับการที่เขามีแฟนคลับชอบเยอะแยะไปหมด ขนาดเรายังอยากที่จะฟังเพลงเขาเลยค่ะ
เชียร์ เผยว่า “ที่ผ่านมาไม่ใช่เราไม่รับละคร แต่ด้วยเรื่องจังหวะและโอกาสมากกว่า ตอนนี้เราได้ฤกษ์ลุยงานละครต่อแล้ว ที่บอกว่าสยบข่าวย้ายช่อง คือเชียร์ว่าเหมือนมันเป็นสมมุติฐานที่มีการตั้งขึ้นมาเองมากกว่า แต่จริง ๆ แล้วก่อนที่ละครจะเปิด เราก็ทำพิธีกรให้กับช่องอยู่ 3 รายการด้วยกัน ไม่ได้หายหน้าขนาดนั้น เฉพาะในแง่ละครเท่านั้นที่คนมองว่าจะย้ายช่อง แต่จริง ๆ แล้วไม่เกี่ยวค่ะ ส่วนสัญญากับช่องตอนนี้ ก็ยอมรับตามตรงว่าไม่ได้พูดถึงกันเลย ล่าสุดมีแต่การพูดถึงแต่ละครมากกว่า เชียร์ไม่อยากให้มองว่าหมดรึยัง ย้ายมั้ย ไม่ว่าสัญญาจะหมดแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าเราจะย้ายไปไหน ในแง่ตัวสัญญายังไม่ได้หมดด้วยซ้ำไป เราเองก็ไม่ได้มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่เรื่องนี้ด้วย เพราะเชียร์ให้ความสนใจที่ตัวงานมากกว่าที่จะมีสัญญามั้ย ซึ่งสัญญาของเชียร์ล่าสุดก็ต่อไปแค่ 2 ปี แต่เราไม่ได้สนใจเลยว่าเหลือเท่าไหร่ ตอนนี้มันอาจจะผ่านไปสักปีแล้ว ถามว่าถ้าหมดสัญญา เราก็ยังอยู่กับช่องด้วยสัญญาใจรึเปล่า คือเชียร์ไม่อยากให้เอาเรื่องอนาคตมาพูดถึงก่อนที่จะอะไร เอางานวันนี้ให้ดีที่สุดก่อนค่ะ”
ถามถึงหัวใจ ล่าสุดมีข่าวว่าเรากิ๊กกับโทนี่ หลังจากที่ไปออกรายการ “ที่นี่หมอชิต” ด้วยกัน? “ในส่วนพี่โทนี่ไม่ได้มีอะไรเลย อาจจะเป็นแค่ช่วงนี้กระแสจับคู่จิ้นมันเยอะมาก วันที่ออกรายการด้วยกัน เราเองเวลาแซวก็อาจมีอาการเขิน มันก็เป็นเรื่องยิ้ม ๆ ณ โอกาสนั้น ไม่ได้ขนาดสานสัมพันธ์กันอย่างที่จับตามองกัน ส่วนในรายการเห็นมีหยอด ๆ กัน คือมันเป็นนิสัยเราอยู่แล้ว เล่นอะไรได้เราก็เล่น มุกแบบติ๊งต๊องก็ไม่ได้คิดว่าจะถูกตัดออกอากาศด้วยซ้ำ อันนี้คงเป็นโมเมนต์ที่ตลกดี แต่ก็เป็นปกติอยู่แล้วที่เรามีแซวแขกรับเชิญ ถามว่าพี่โทนี่ตรงสเปกมั้ย คือเชียร์ชอบในความคิดเขามากกว่า รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีความคิดเจ๋ง เป็นเรื่องที่เราชื่นชม เชียร์เชื่อว่าหลายคนก็คงชอบ คงปลื้มกับความมีสไตล์ของผู้ชายคนนี้เหมือนกันค่ะ ซึ่งโทนี่เองก็ไม่ได้มีท่าทีมาจีบเลย มันเป็นแค่การทำงานเฉย ๆ จริง ๆ มันเคยเป็นข่าวตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ออกเทปแรกไป มันเหมือนเป็นการเล่นตามสคริปต์ ที่พูดเพราะเป็นสีสันรายการ ส่วนตัวไม่มีอะไร ส่วนโอกาสพัฒนาจะมีมั้ย อันนี้อาจเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนจับตามอง เพราะสถานะทั้งคู่ก็โสด แต่ในส่วนตัวเชียร์ที่ไม่เกี่ยวกับงาน ก็คงเป็นเพื่อนร่วมงานที่มีความคิดน่ารักคนหนึ่ง เราเองก็ขอเป็นกำลังใจให้ ไม่ได้มีโอกาสพิเศษที่จะสานสัมพันธ์ขนาดนั้นค่ะ ส่วนตัวก็ชื่นชมว่าเขาเป็นคนที่น่ารักค่ะ
ครีมห่างจากงานหนังมาพอสมควร ตั้งแต่ แม่นาก 3 มิติ ก็คิดถึงงานหนังมาก ที่ผ่านมามีติดต่อเข้ามา  แต่บทไม่ถูกใจ  ไม่ใช่ครีมเรื่องเยอะ แต่เวลาทำงานก็อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ  ยิ่งเป็นการแสดงด้วยแล้ว  มันต้องพิถีพิถันหน่อย ไม่ใช่มีบทอะไรมาก็รับ..จริงมั้ยค่ะ  ตอนนี้มีติดต่อเข้ามา แต่ยังคุยกันไม่ลงตัวในเรื่องของบท เพราะครีมอยากเล่นบทดราม่า บทที่ต้องใช้อารมณ์เยอะๆ เพราะรู้สึกว่าเป็นการทดสอบฝีมือด้านการแสดงมาก ๆ หนังที่ติดต่อมาส่วนใหญ่ก็จะให้เล่นเซ็กซี่ ซึ่งครีมก็ไม่ได้ปฏิเสธซะทีเดียว แต่อยากให้มีอะไรมากกว่านี้ เพราะงานหนังเป็นอะไรที่คลาสสิกมาก ส่วนงานละครก็มีเข้ามาเรื่อย ๆ ค่ะ ล่าสุดมีงานละครเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ ทางช่อง 8 ก็เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่น่าสนใจค่ะ
-นางเอกสาวทรงโต เจ้าของบทบาทการแสดงที่ผ่านสายตาผู้ชมมาแล้วมากมาย ในภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในด้านการแสดงทั้งเบื้อง หน้าและเบื้องหลังมาเป็นอย่างดี เพราะใจรักและตั้งใจว่าจะเอาดีทางด้านภาพยนตร์ในฐานะผู้กำกับฯ ให้จงได้

และในที่สุดวันนั้นก็มาถึง “ตั๊ก-บงกช” โชว์ฝีมือกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก “นางฟ้า” เธอคุยให้เราฟังว่า “ตั๊ก” ได้สัมผัสกับคนทำภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็กตั้งแต่เข้าวงการ แล้วก็อินกับมันจนรักภาพยนตร์ แล้วก็รู้สึกว่าอาชีพที่จะต้องอยู่ต่อไป เราอยากอยู่กับวงการสร้างหนัง ด้วยความที่เป็นนักแสดง ก็ชอบเก็บรายละเอียดเก็บมุมมอง เก็บในเรื่องของชีวิตต่างๆ ชอบศึกษาชีวิตคนนู้นคนนี้ ก็จะจดเป็นไดอารี่ไว้บ้าง พอถึงจุดหนึ่งเราอยากจะนำมาทำเป็นภาพยนตร์ อยากจะนำชีวิตหรือมุมมองนั้นมาถ่ายเป็นหนังขึ้นมา มันก็เป็นเรื่องที่ตั๊กชอบด้วย จึงอยากหยิบยกขึ้นมาตีแผ่ค่ะ”

ที่มาของเรื่องราวชีวิตนางโชว์ ในหนัง “นางฟ้า” ล่ะ “มีโอกาสได้มาเจอกับพี่อ้วน รีเทิร์น แล้วใจเราตรงกันว่าอยากจะทำหนัง ส่วนพี่อ้วนเสนอมาว่าอยากนำเรื่องเกี่ยวกับนางโชว์ ในแง่มุมที่อยากให้รู้ว่าความเป็นผู้หญิงทำงานกลางคืน ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นคนไม่ดีเสมอไป ส่วนตั๊กก็นำมาคิดต่อว่าอยากทำในมุมของชีวิตเด็กที่เกิดจากนางโชว์ เมื่อเรานำเรื่องมามิกซ์กันจึงกลายเป็นหนังขึ้นมาค่ะ”

“จริง ๆ ไอเดียแรกของหนังเรื่องนางฟ้า ต้องย้อนไปสมัยก่อน หนังต่างประเทศชอบให้ตั๊กไปแคสบทผู้หญิงกลางคืนอะไรอย่างนี้แทบทุกเรื่อง ตั๊กเลยรู้สึกว่าต่างชาติมักจะมองผู้หญิงไทยที่ทำงานกลางคืนในแง่ลบเพียง ด้านเดียว เราก็เลยคิดอยากจะทำหนังที่ให้เกียรติผู้หญิงเหล่านี้ที่สะท้อนให้เห็นแง่ มุมชีวิตต่าง ๆ ที่ชัดเจนมากขึ้น ก็เลยลงตัวที่เรื่องราวของพวกสาวนักเต้นหรือนางโชว์ ซึ่งจริง ๆ แล้วอยากให้รู้ว่าพวกเค้าก็มีชีวิตทั้งด้านดีและร้ายแบบคนทำอาชีพอื่น ๆ เหมือนกัน ก็จะเป็นหนังชีวิตที่มีครบทุกรสค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความสนุก
สนานไปกับการแสดงโชว์ต่าง ๆ และเนื้อหาดราม่าโดนใจที่สอดแทรกแง่มุมชีวิตจริงของสาว ๆ อาชีพนี้”

สิ่งที่คนดูจะได้รับจากหนังเรื่องนี้คืออะไร “ความบันเทิงค่ะ แต่อีกมุมนึงคือการสะท้อน เรื่องราวชีวิต ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ คนที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาชีวิตจะมีทางเลือก และการตัดสินใจแก้ไขปัญหาเหล่านี้ที่เกิดขึ้นอย่างไร ตั๊กเชื่อว่าจะเป็นหนังที่สะท้อนสังคมได้อย่างดีค่ะ ฝากผลงานเรื่องนางฟ้า ไว้ด้วยนะคะ เป็นงานกำกับเรื่องแรกของตั๊ก ตั้งใจทำเต็มที่มาก อยากให้ทุกคนมาดูกันเยอะ ๆ

Saturday, May 25, 2013

- วันนี้รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก ๆ เพราะรางวัลนี้เป็นรางวัลที่คนในวงการโหวตให้กันเองค่ะ พอได้รางวัลก็รู้สึกภาคภูมิใจและหายเหนื่อยจริง ๆ ค่ะ ธัญญ่าถือว่าละครประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เฉพาะแค่ธัญญ่าคนเดียว มันเป็นประวัติการณ์ของเมืองไทยก็ว่าได้ที่มีวันแรงเงาแห่งชาติ ละครเรื่องนี้ถือว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่ทีมงาน ผู้บริหาร นักแสดงทุกคนและ ผู้จัดละคร เราถือว่าเป็นละครที่ได้รับการตอบรับอย่างดีมาก ๆ เลยค่ะ ส่วนวันนี้มีพูดประโยคเด็ดใช่มั้ยคะ ก็ขอบคุณทางช่อง 3 คุณประวิทย์, คุณประสาร, คุณสมรักษ์, พี่หน่อง-อรุโณชา, พี่เติม-ชนินทร ฯลฯ และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คือพี่เป๊ก-สัณชัย เพราะเราจะบอกในทุกเวทีที่ได้รางวัลว่า ถ้าเราไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้ เราก็ไม่รู้เราจะสามารถเล่นได้ขนาดนี้หรือเปล่า เพราะว่าความเจ็บปวดที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องเจอกับปัญหาครอบครัวแบบนี้มัน รุนแรงและแสนสาหัส นพนภามีความรู้สึกกว่าคนทั่วไปเพิ่มหลายเท่าอีก ถ้าเราไม่มีประสบการณ์มันยากนะ เราเลยต้องมอบรางวัลนี้แบ่งให้พี่เป๊กด้วย (หัวเราะ) ซึ่งชีวิตจริงตอนนี้พี่เป๊กก็เป็น ผอ.ตัวจริง เพราะเขาไปอยู่ภาคใต้ไปเป็น ผอ. จริง ๆ ด้วย บนเวทีเลยบอกว่าต้องขอบคุณพี่เป๊กที่ทำให้เรารับรู้ถึงความรู้สึกของนพนภา ประมาณนี้ และความรู้สึกของเมียหลวง แต่ขอบอกว่าไม่เกี่ยวกับจะบอกใคร เพราะเราพูดทุกเวที อย่าไปมองตรงนั้นเลยเรื่องราวมันผ่านไปแล้วให้ผ่านไป นี่แค่ความรู้สึกของเราที่มีกับพี่เป๊ก เรื่องที่คนจับโยงคงเพราะสนุกปาก เพราะเรื่องก็แซบมานานเนอะ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้จบแล้วก็ให้จบไป” วันนี้เขาพาแฟนเขามาเปิดตัวด้วยถือ ว่าโล่งใจมั้ย? “เรื่องนี้เลิกคิดไปนานแล้วค่ะ ต่างคนต่างดำเนินชีวิตของตัวเองไป อะไรที่ไม่ดีก็ผ่านไปดีกว่า เราไม่ได้เจอกันในงาน ถามว่าเจอแล้วจะคุยได้มั้ย มันไม่ได้มีเรื่องต้องคุยน่ะค่ะ ไม่รู้สิ เรื่องผ่านไปแล้วก็จริง แต่จะมาคุยเรื่องอะไรล่ะ ปกติเราไม่ได้รู้จักกันอยู่แล้ว ตอนนี้เราเข้มแข็งแล้ว ครอบครัวก็แฮปปี้ดี พี่เป๊กก็ขึ้นมากรุงเทพฯบ้าง เราก็พาลูกไปหาเขาบ้าง ลียาจะ 4 ขวบแล้วด้วย ถามว่าอยากมีน้องให้ลียามั้ย ตอนนี้เฉย ๆ เลี้ยงลียามีความสุขมากแต่เหนื่อยมากเหมือนกัน ไปไหนก็ห่วงถ้ามีน้องให้เขาอีกก็ห่วงเพิ่ม พี่เป๊กเองก็อยากมีลูกชาย แต่เรายังไม่ตกลงจะมี แต่อนาคตก็ไม่แน่อาจจะมีก็ได้.-
- อย่างล่าสุดมีข่าวว่าสาววิวไปเปิดไลน์ของหนุ่มหมากที่ส่งข้อความหาคู่จิ้นอ ย่าง คิม-คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส ว่าคิดถึงมาก จนงอนหนุ่มหมากทำให้หนุ่มหมากขึ้นรูปดำปี๋ในอินสตาแกรม แถมสาววิวยังมีข่าวควงพระเอกหนุ่ม มาริโอ้ เมาเร่อ ไปกินไอศกรีมสองต่อสองอีก งานนี้เจอตัวสาววิวเจ้าตัวเลยขอเคลียร์เรื่องทั้งหมดทันทีว่า

- ข่าวไปกินไอติมกับมาริโอ้มั่วมากเลยค่ะ รู้จักกันจริงแต่เราเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่สนิทด้วย ไม่เคยเจอกันนอกรอบเลยดีกว่า นานแล้วด้วยที่ไม่ได้เจอกัน เป็นข่าวมั่วมาก ๆ ไม่มีทาง วิวเห็นข่าว เพราะว่าแฟน ๆ ส่งมาให้ดู ทุกคนมองเป็นเรื่องตลกหมด ก็เลยไม่คิดอะไร รู้สึกว่าตอนนี้อะไรมันก็เป็นได้หมด แต่คนก็ไปโยงว่าทำไมหมากขึ้นจอดำในอินสตาแกรมใช่มั้ยคะ วิวว่าเขาคงมีเรื่องเครียดของเขา งานคงเยอะหรือว่าเหนื่อยอะไรก็ไม่ทราบ แต่ก็ให้กำลังใจเขาไป ยิ่งขึ้นที่สูงปัญหาก็ยิ่งเยอะ วิวจะไม่ถามให้เขารู้สึกแย่ไปอีก ถ้าสบายใจจะเล่าอะไรก็เล่าเป็นแบบนั้นมากกว่า ก็ให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ ให้เขาสู้ ๆ ส่วนข่าวว่าวิวไปเปิดโทรศัพท์หมากเจอข้อความคิดถึงนะในไลน์ส่งไปให้คิม วิวจะบอกว่าเรื่องโทรศัพท์เป็นอะไรที่ส่วนตัวมากเลยจะไปจับไปเปิดของเขาได้ ยังไง เขาสองคนเป็นคนที่ร่วมงานกัน วิว   ก็ไม่รู้ไม่เกี่ยวข้องด้วย วิวไม่เห็นข้อความอะไรทั้งนั้นไม่เคยไปยุ่งกับโทรศัพท์เขา ก็เข้าใจว่าเขาจิ้นกันในละครเนอะ แฟนคลับเขาก็เชียร์เยอะ แต่เราก็ไม่ได้รู้ห่วงหรือกังวลอะไร เพราะอีกฝ่ายเขาก็มีคนของเขา เขาก็สนิทกันจริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าด้วยความสนิทหรือว่าอะไรแต่อย่าเอาวิวไปโยงด้วยเลยค่ะ

- แสดงว่าไว้ใจหมาก? “ค่ะ ณ จุดนี้เราก็ยังดู ๆ กันไป ก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า ให้วิวไปยืนยันใคร 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ณ ตอนนี้ยังโอเคอยู่ก็ดูกันไปก่อน บางทีข่าวก็เป็นจุดวุ่นวายด้วย แต่สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องของคนสองคนว่ามันจะเป็นไปได้ไหมหรือเป็นเพื่อนกัน ดีกว่า เราเองรู้กันอยู่แล้วว่าอันไหนเรื่องจริงไม่จริงค่ะ.-
นย เป็นตัวแทนกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ดีใจที่ได้มาทำหน้าที่ทูตทีเอสพีซีเอ ต่อจากพี่วงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ซึ่งก็ได้เห็นข่าวพี่เค้าออกไปช่วยสัตว์จรจัด ล่ารายชื่อร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ ในฐานะรุ่นน้อง และรักสัตว์เหมือนกัน ก็พร้อมสานต่อโครงการนี้ เพื่อให้เค้ามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ถูกทารุณ

แต่ล่าสุดก็ยังมีข่าวสุนัขถูกจับไปขาย เห็นแล้วสงสารมาก ไม่มีใครอยากถูกกักขัง สัตว์เค้ามีชีวิต มีจิตใจ วันนี้ก็ขอเป็นหนึ่งคนที่พร้อมให้ความช่วยเหลือสัตว์จรจัด หรือ สัตว์ชนิดไหนก็แล้วแต่ เค้าคือเพื่อนร่วมโลก เพียงแต่พูดไม่ได้ ก็อยากวอนคนไทยให้มีความรัก มีเมตตา ถ้าเค้าไปสร้างปัญหา สร้างความเดือดร้อน ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาดูแล อย่าลงโทษด้วยการทำร้าย เอายาเบื่อให้กิน นอกจากจะเป็นบาปติดตัวแล้ว ยังผิดกฎหมายด้วยค่ะ
ในฐานะพิธีกรประจำรายการ แนน-ณยา เปิดใจอย่างสุดปลื้มว่า “ต้องขอขอบพระคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่รายการ “แจ้งคลายทุกข์” ได้รับทั้ง 2 รางวัลในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจและเป็นกำลังใจสำคัญของทีมงานที่ได้ร่วม กันสร้างผลงานดี ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของชาวบ้านอย่างแท้จริง สำหรับรายการเรามุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหารายการที่เข้มข้นเพื่อสังคมอยู่ แล้ว เป็นสื่อกลางของชาวบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือคำแนะนำคำปรึกษาต่าง ๆ กับคอนเซปต์ “ทุกปัญหามีทางออกเสมอ” พร้อมเป็นสื่อกลางรับฟังปัญหาและช่วยประสานเพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา โดยอย่างน้อยเราได้ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนได้อย่างถูกต้อง และตรงไปตรงมาด้วยค่ะ และเร็ว ๆ นี้จะมีการลงพื้นที่ กฎหมายคลายทุกข์สัญจร ที่จะพ่วงไปกับกิจกรรมหลักของช่องมีเดียนิวส์ ภายใต้ชื่อว่า “มีเดียนิวส์สัญจร 4 ภาค” สำหรับที่แรกพบกันได้ วันเสาร์ที่ 1 มิ.ย.นี้ ที่ห้างยูดี ทาวน์ จ.อุดรธานีนะคะ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเราทีมข่าว ที่ต้องการสร้างสรรค์ชิ้นงานดี ๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้ชมอย่างไม่หยุดยั้งค่ะ
ยุนอึนเฮ กล่าวประโยคแรกทันทีว่า ’สวัสดีค่ะ ดิฉันยุนอึนเฮ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาร่วมงานครั้งนี้ค่ะ“ และเผยต่ออีกว่า...“รู้สึกประทับใจที่แฟนคลับชาวไทยต้อนรับเธอเป็นอย่างดี ถึงแม้ที่ผ่านมาฉันจะไม่ค่อยมีผลงานซีรีส์ออกมาสักเท่าไหร่ แต่แฟนไทยก็ยังเชียร์และให้กำลังใจฉันเสมอ สำหรับเรื่องที่ ทรูวิชั่นส์ ได้นำ “คอฟฟี่ ปริ๊นซ์” มาสร้างใหม่เป็นเวอร์ชั่นของไทยนั้น ตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ซีรีส์เกาหลีได้มารีเมคใหม่ อย่างไรก็ตามตนขอส่งแรงใจให้ทรูวิชั่นส์ ซึ่งเป็นเคเบิลทีวีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ส่วนผลงานซีรีส์เรื่องล่าสุดของตัวเองนั้น ก็คือ เรื่อง “ไอ มิส ยู” อยากให้แฟน ๆ ชาวไทยได้ติดตามกันด้วย ที่สำคัญมาครั้งนี้ได้ฝึกพูดภาษาไทยมาด้วยค่ะ ก็อยากพูดให้แฟนชาวไทยได้ฟังด้วยว่า...’สวัสดีค่ะ ดิฉันยุนอึนเฮ“ และ ’ฉันรักคุณ“ สุดท้ายนี้ถ้ามีโอกาสมาเมืองไทยรับรองว่าฉันจะมาแน่นอน และฉันจะพยายามเล่นซีรีส์ให้ดีที่สุด เพื่อแฟนคลับชาวไทยจะได้ชมให้หายคิดถึงนะคะ
- ปุ๊กลุก เผยว่า “กับพี่วีไม่ได้กลับมาคุยค่ะ เขาเองก็ไม่มีติดต่อมาเลยค่ะ คือเรื่องข่าวของเขาหนูไม่รู้เรื่องเลยค่ะ คือพี่เขาโตแล้วเขาดูแลตัวเองได้ค่ะ ที่มีข่าวว่าหนูส่งข้อความให้พี่วี หนูง้อเหรอ! เดี๋ยวเจอแฉกันอีกรอบ ไม่มีค่ะ ก็ไม่ได้นับนะว่าไม่ได้ติดต่อนานเท่าไหร่แล้ว นับคนข้างหน้าที่จะมาเปนคู่ชีวิตเราดีกว่า คือถ้าเจอก็ทักทายได้นะ แต่พี่วีจะกล้าทักรึเปล่า เพราะล่าสุดในรายการวันวานฯ พี่วีบอกว่าไม่กล้าเจอหน้าหนูค่ะ” ถามถึงเรื่องที่ว่าเราเหยียบกระโปรง ลิต้า มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปีล่าสุดบนเวที? “จริง ๆ หนูว่าไปดูชุดน้องกระโปรงก็ไม่ได้ยาวเลย ตอนแรกได้ยินก็ตกใจ แต่จริง ๆ ไม่ได้เหยียบค่ะ เราก็ชินข่าวแบบนี้นะ คือตัวเราตัวน้องก็รู้ดีว่าจริง ๆ ไม่มีอะไรแค่นั้นก็โอเคแล้ว
- มีข่าวว่าหลังเวทีมีคนแกล้งเอาตะปูใส่รองเท้าเราด้วย? “โห แค่ระยะเวลา 15 นาที ไม่น่าทำอะไรได้เลยค่ะ ถามว่าปนี้เก็บตัวยังไง ก็ถามนะ หนูว่าน่าจะเปนในต่างประเทศมากกว่าไม่ใช่ในเมืองไทยค่ะ กับข่าวที่ออกมามันตลกมากกว่าค่ะ ไม่ใช่แล้ว ส่วนข่าวที่ว่าเราเชียร์ น้องจีจี้-ชลธิชา ที่ได้รอง อันดับ 1 เพราะกับน้องรองคือเรารู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว เปนรุ่นน้องพี่ที่หนูสนิทค่ะ จริง ๆ ก็ไม่อะไรมากมายเลย หนูว่าก็มีน้ำใจให้กันค่ะ-.
- ไอซ์ เผยว่า “แหวนนี้น้องน้ำชาให้มา ตอนที่เราโพสต์ก็ลงประมาณว่าอยากได้แหวนเพชรเม็ดใหญ่เท่านี้ แต่ไม่ได้บอกถึงใคร แค่บอกผ่าน ๆ เพราะความเป็นจริงเราก็รู้แหละว่าเม็ดเท่านี้คงไม่ได้ ส่วนล่าสุดที่บอกว่าเรามีคนคุย ๆ อยู่แล้ว คือมันยังไม่คอนเฟิร์ม ยังไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่ แต่เราก็มีคนมาจีบบ้าง แต่คนนี้ยังไม่ถูกใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ไอซ์ไม่ใช่คนเรื่องมาก แต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร บางทีผู้หญิงต้องการผู้ชายที่ชิล ทำงานเก่ง เคยเจ้าชู้มาก่อนแต่ตอนนี้ไม่เจ้าชู้แล้ว ซึ่งมันไม่มีทางเกิดขึ้นในชีวิตจริง ฉะนั้นมันก็ยังยากอยู่นะในการค้นหาผู้ชายคนนั้นที่เราแฮปปี้ด้วย ซึ่งคนที่ไอซ์คุยส่วนมากเป็นคนนอกวงการค่ะ” เรียกว่ามีคนที่คุยกันเป็นพิเศษคนนึง? “มีคนจีบค่ะ แต่ว่ามันยังไม่ใช่ เขาแค่เป็นคนที่คุยกันรู้เรื่อง ไอซ์พูดเลยว่าไอซ์เป็นคนที่ถ้าเราไม่อยากโดนอะไร ไอซ์ก็จะไม่ทำอย่างนั้น ถ้าเรายังไม่ชัดเจนกับเขา เราก็บอกชัดเจนว่ายังนะ เขาจะได้มีโอกาสไปหาคนอื่นด้วย ไม่ใช่ว่าเราเจ้าชู้หรือดูใจกว้าง แต่ถ้าเราอยากให้เขาใจกว้างกับเรา เราก็ต้องใจกว้างกับเขาด้วย และไอซ์คิดว่าอายุอย่างไอซ์อาจจะเจอคนไม่กี่คน ไม่ใช่ว่าเราแก่ แต่หมายความว่าคนนึงคบ 3-4 ปี กว่าจะรู้นิสัยกัน ฉะนั้นรอให้มันชัวร์ก่อนและสังคมไทยยังไงผู้หญิงก็เสียเปรียบอยู่ดี

- แสดงว่าตอนนี้ที่จีบมีคนเดียว? “เราเปิดให้เข้ามาทีละคน ถ้าไม่ใช่คนนึงก็เป็นเพื่อนกัน คนนี้ก็คุยมาสักพักแล้ว ก็ประมาณเกือบปี ก็ยังต้องใช้เวลาอีกนาน ส่วนปีนึงแล้วยังไม่ยอมเรียกเขาว่าแฟนกลัวเขาท้อใจบ้างไหม ก็ไม่หรอก เราไม่มีอะไรกำหนดขนาดนั้น คือเราโตขึ้นก็รู้สึกว่ามันไม่มีใครที่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เหมือนให้โอกาสตัวเองและคนอื่นมากขึ้น หรือเพราะเราไม่มีใครเข้ามาเท่าไหร่ก็ไม่รู้นะ ไอซ์เป็นคนไม่แคร์เรื่องอายุ ไม่กลัวเป็นโสด แต่กลัวการที่รีบมีแฟนตามเทรนด์และกลัวเพื่อน ๆ ไม่อยู่เป็นเพื่อนค่ะ-.
- นางเอกสาว มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง กับเพื่อนสนิทมากอย่าง ภูผา เตชะณรงค์ เพราะล่าสุดสาวมิ้นต์โพสต์รูปคู่กันแบบชัด ๆ จนหลายคนแซวว่าเป็นการเปิดตัวว่าคบกันในฐานะแฟนแล้วแน่ ๆ เพราะวันเกิดแม่ของหนุ่มภูผา สาวมิ้นต์ก็ไปร่วมงาน พอมีโอกาสเจอตัวสาวมิ้นต์เลยต้องถามถึงเรื่องนี้ เจ้าตัวเปิดใจให้ฟังทั้งหมดว่า

- ถามถึงภาพคู่ในอินสตาแกรมไม่ได้เปิดตัวค่ะ แค่ลงเป็นประเด็นในกลุ่มเพื่อนเท่านั้นเองไม่ได้มีอะไร ให้ทุกคนหายเครียดทำหน้าเซ็งเป็ดพอดี เราก็อยากลงให้ทุกคนคลายเครียด ตอนนี้ความสัมพันธ์เหมือนเดิม ไม่ได้คืบหน้าไม่มีอะไร คนอาจจะมองเราทั้งคู่ ก็อยากให้ลองดูมุมอื่นบ้าง ภาพไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ไปกันมาสักพักแล้ว เดือนที่แล้วเราไปทำงาน ก็มีโอกาสได้ไปเที่ยวบ้าง ก็ไปกับที่บ้านด้วย ส่วนพี่เขาไปก็ไปกับกลุ่มเพื่อนหลายคนนะ สำหรับภาพวันเกิดคุณแม่พี่ภูผาที่มีมิ้นต์, พี่แอฟ-ทักษอร และพี่สงกรานต์ คนแซวว่าเป็นสะใภ้เล็กเหรอคะ ยังไม่ขนาดนั้นค่ะ เราไปจริง ๆ แต่ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม ถามว่ายังติดอะไรถึงยังไม่ใช้คำว่า “แฟน” หรือ “คบกัน” มิ้นต์ว่าความรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ใช่ปุ๊บปั๊บ เราต้องดูหลาย ๆ อย่างก็คบกันเป็นเพื่อนอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เราก็มีความสุขดีค่ะ ไม่ต้องเร่งรีบอะไร เดี๋ยวถึงเวลาก็ค่อยว่ากันอีกที
- กับภูผาคุยกันมานานแค่ไหนแล้ว? “นานหลายปีแล้วนะคะ ภูผาเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรเยอะ หนูเป็นคนไม่ชอบคนเยอะ เขาก็แฮปปี้ที่เราอยากอยู่แบบนี้ เราก็แฮปปี้ ถ้ามันเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เขาเองก็ไม่เคยเร่งถามว่าเมื่อไหร่จะเป็นแฟน พูดตรง ๆ ที่บ้านมิ้นต์ค่อนข้างหวงเราเป็นลูกสาวคนเดียวด้วยไปไหนทำอะไรก็ต้องเห็นคุณ แม่และน้องชายตลอด คุณแม่จะเห็นตลอดวันไหนเราเจอกัน คุณแม่จะคอยไปรับไปส่ง เราอยู่ในสายตาตลอดก็สบายใจเพราะเราก็อยากทำทุกอย่างให้อยู่ในสายตาของ ผู้ใหญ่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้ปากแข็งก็ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปดีกว่าค่ะ.-
เนย เผยว่า “ปลื้มปริ่มและฟินมากค่ะกับกระแสสุภาพบุรุษฯ เพราะตอนถ่ายเรื่องนี้ก็เครียดหลายอย่างเลย ทั้งคำพูด เพราะเป็นพีเรียดและบทยาวด้วย อีกอย่างกลัวจะดูโตกว่าพระเอกรึเปล่า กลัวไม่ถึงนิยายที่เขาแต่งรึเปล่า แต่พอออกมาก็หายเหนื่อยเลย มีแฟน ๆ อิน บอกไม่ชอบเราเยอะมากเลย ตอนนี้มีแต่คนทักว่ามารตี แต่คนก็ชอบนะ ชอบน้องเนยแต่เกลียดมารตี ถามว่าสอบผ่านไหม ก็ไม่รู้นะ เพราะว่าหนูก็พยายามถามป้าแจ๋วว่าโอเคไหม ป้าแจ๋วก็ชอบว่าฉันชอบเธอ แค่นี้หนูก็หายเหนื่อยแล้ว”

พอเราเล่นร้าย คนที่เราคุยนอกวงการ มีกลัวเราบ้างไหม? “กลัวค่ะ เขาบอกว่าทำไมเราดุและน่ากลัวจัง เราก็บอกว่าเธอก็รู้จักฉันนี่ ฉันน่ากลัวที่ไหน คือเราก็เคยบอกเขาว่ามันเป็นการแสดง ด้วยรูปร่างหน้าตา โทนเสียง มันอาจจะมาดีทางนี้ แต่เนยไม่ดุกับเขานะ แค่เป็นคนเสียงดัง พูดชัดเจน ทำให้อาจจะดูเหมือนดุไปบ้าง” อย่างเรื่องลูกทาสเห็นว่าต้องเล่นเป็นคนดี กลัวคนไม่เชื่อมั้ย? “อาการหนักอีกแล้ว เรื่องนี้เรารับบทเป็นนิ่ม ก็นิ่มสมชื่อ บทก็ดราม่า ร้องไห้ เราก็กลัวว่าหน้าเราจะได้รึเปล่า ก็พยายามคิดว่าเน้นที่ฟีลลิ่งละกัน
จน เผยว่า “ไปเที่ยวไหนไม่สำคัญ คือไม่ได้ควงหนุ่มไปค่ะ อาจจะเห็นเดินกันสองคนเป็นช่วงที่เรามาเช็กอินสาย แต่ไปกันหลายคน ส่วนสถานะของหนุ่มคนนั้นก็เป็นเพื่อนค่ะ รู้จักมานานมาก คือเพื่อนเจนเป็นคนธรรมดา อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เขาไม่ได้อยู่ในสปอตไลต์ ก็เลยอาจจะตกใจที่เป็นข่าว คือตอนนี้เจนไม่มีคนคุย เราโตแล้ว ไม่อยากจะคบ ๆ เลิก ๆ เราผ่านจุดซ่า เปรี้ยว ไม่ใส่ใจอะไร แต่ตอนนี้ระวังมากขึ้นจะคบจะคุยยังไง ก็ไม่อยากจะใช้อารมณ์วู่วามในการตัดสินใจว่าเป็นแฟน ต้องศึกษา
นาน ๆ ตอนนี้มีสิทธิเลือกก็เลือกไปก่อนดีกว่าไม่เลือกอะไรเลย เดี๋ยวได้อะไรมาไม่รู้นะ” กลัวไหมว่าถ้าอยากจะมีแฟนแล้วกลับไม่มี? “ก็แล้วแต่ดินแต่ฟ้า มันไม่ใช่ว่าอยากได้แล้วได้เลย รอเวลาของเรา ตอนนี้ก็โสดนานจนตัวเองจำไม่ได้ คนที่ผ่านมาก็มีถูกใจ นิสัยดี แต่อาจจะมีด้านอื่นที่ยังไม่ลงตัวกัน ก็จะมีเพื่อนแนะนำตลอด แต่ยังไม่โดนใจเราเยอะไง”

ที่ผ่านมาจะมีข่าวกับฝรั่ง โฟกัสไหมว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ? “ไม่โฟกัสค่ะ เรื่องเชื้อชาติ ศาสนาเรากำหนดไม่ได้ คู่ก็คือคู่ ตอนนี้ก็มีคนมาจีบบ้างนะ แต่เราก็ค่อย ๆ ดูกันไป ชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่แต่งงานกันไปแล้วจบแฮปปี้เอ็นดิ้งทุกคนทุกคู่ มันเป็นการเริ่มต้นใหม่มากกว่า ตอนนี้ยังไม่มีคนถูกใจเลย ไม่มีแอบซุ่มคบนะ ถามว่าไม่อยากเป็นข่าวจนกว่าจะเจอคนที่ใช่รึเปล่า เราก็อยากแน่ใจระดับนึง ไม่ใช่รู้จักกันมา 3-4 เดือน แล้วประกาศว่ารักกันแล้ว เราเคยเป็นแบบนั้นมาแล้ว เป็นวัยรุ่นที่จะบอกว่ารัก
นักแสดงสาวชาวไทยคนแรกที่ได้ปรากฏกายบนพรมแดงใหญ่ในเทศกาลภาพยนตร์เมือง คานส์ ครั้งที่ 66 ที่ประเทศฝรั่งเศสประกบกับ มิลล่าโจโววิช นักแสดงชาวอเมริกัน ตามคำเชิญของผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของเทศกาลภาพยนตร์ครั้งนี้ ที่เชิญมาชมรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง คลีโอพัตรา (Cleopatra)

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้างานซูเปอร์สตาร์สาวก็เรียกเสียงแฟลชจากช่างภาพในงานได้ ไม่แพ้ดาราจากฮอลลีวูดโดยชมพู่ มาในชุดเดรสสีเขียวฟูฟ่อง ผสมกับผ้าซาตินจาก แบรนด์ แซค โพเซ่น (zac posen) คอลเลกชั่นสปริงปี ค.ศ. 2013 ชุดเดียวกับที่นักแสดงฮอลลีวูด ซาราห์ เจสสิกา พาร์กเกอร์ ถ่ายในนิตยสารฮาร์เปอร์ บาร์ซาร์ ฉบับประเทศจีน ประกอบ
กับคลัช จากแบรนด์ เดวี โครเอลล์ (Devi Kroell) และสไตล์การแต่งหน้าแนว แคท อาย ที่น่าทึ่ง

ซึ่งงานนี้เว็บไซต์ต่างชาติ และบล็อกหลาย ๆ แห่งก็ได้เขียนถึง อาทิ www.redcarpet-fashionawards.com ได้เขียนถึงการแต่งตัวของสาวชมในสไตล์เทพนิยายว่า “เหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยาย” และชมว่าค่อนข้างเพอร์เฟกต์ทีเดียว ซึ่งเว็บดังกล่าวยังได้เขียนแซวอีกว่า พวกเขามั่นใจว่า นักแสดงเอเชียอย่าง ฟ่าน ปิงปิง กับ จาง อี่ว์ฉี จะต้องเสียใจที่ไม่ได้ใส่ชุดนี้ก่อนแน่ ๆ
นางเอกสาวแก้มป่องเจ้าของรอยยิ้มสดใส พัคชินเฮ (Park Shin Hye) ซึ่งล่าสุดเธอเพิ่งไปคว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดนิยม เวที “แพ็กซัง อาร์ตส์ อวอร์ดส์ ครั้งที่ 49” (49th Paeksang Arts Awards) ที่เป็นสุดยอดงานประกาศรางวัลผลงานยอดเยี่ยม ทางด้านภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ประจำปีระดับประเทศของเกาหลีใต้ มาครองอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้วด้วย โดยในปี 2013 นี้ ถือได้ว่าเป็นปีทองแห่งความสำเร็จของ พัคชินเฮ อย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ เธอได้ก้าวขึ้นเวที “แพ็กซัง อาร์ตส์ อวอร์ดส์” อย่างสง่างามอีกครั้ง เพื่อรับรางวัลนักแสดงหญิงยอดนิยม สาขาภาพยนตร์ จากผลงานจอเงินเรื่องเยี่ยม “มิราเคิลอิน เซลล์ นัมเบอร์เซเว่น” มีชื่อไทยว่า “ปาฏิหาริย์ ห้องขังหมายเลข 7” ที่โกยรายได้ไปถล่มทลาย ติดอันดับ 1 นานถึง 7 สัปดาห์ซ้อนมาแล้ว และกำลังเข้าฉายในโรงหนังบ้านเรา และด้วยความฮอตเธอยังวัดได้จากผลงานที่ต่อเนื่องไม่ขาดสาย ทั้งงานแสดงภาพยนตร์, ซีรีส์ทางโทรทัศน์, ถ่ายแบบ รวมถึงงานพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้ามากมาย ขณะเดียวกันเธอยังประสบความสำเร็จด้วยดี กับการเดินสายจัดเอเชียทัวร์แฟนมีทติ้งครั้งแรก ในวาระที่เข้าสู่วงการบันเทิงครบรอบ 10 ปี ที่ผ่านพ้นไปแล้วอย่างที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์, กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น, มหานครเซี่ยงไฮ้ จีน กำลังจะตามมาด้วย กรุงปักกิ่ง วันที่ 22 มิ.ย. และที่ประเทศไทย เตรียมพบกันแน่นอนใน “2013 พัคชินเฮ เอเชีย ทัวร์, คิส ออฟ แองเจิล อิน ไทยแลนด์” ในวันเสาร์ที่ 29 มิ.ย. นี้ เวลา 19.00 น.ณ สยามภาวลัย รอยัล แกรนด์ เธียเตอร์ ชั้น 6 สยามพารากอน แฟน ๆ สามารถจองบัตรได้แล้วที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์จ้า
สาว อุ้ม-ลักขณา วัธนวงส์ศิริ กับหวานใจนอกวงการ เต๋อ-รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ ล่าสุดพอมีโอกาสเจอตัวสาวอุ้มในงานเปิดตัวแว่นตาบัสเดสซารินี่ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เจ้าตัวเลยเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า

“โสดมาจะเดือนนึงแล้วค่ะ เราไม่ได้เลิกกันเพราะมือที่ 3 แต่เลิกกันเพราะความคิดเห็นเราไม่ตรงกัน ทั้งที่เราพยายามปรับกันมากกว่า 10 รอบแล้ว ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนก่อนหน้านี้ที่เห็นว่าเราหวาน อุ้มไม่รู้ว่าเราสร้างให้มันหวานหรือเปล่า เพราะว่าเราชอบถ่ายรูปกับแฟน คนเลยมองว่าหวาน แต่จริง ๆ มันมีรายละเอียดมากกว่านั้น ซึ่งตรงนี้อุ้มเป็นคนตัดสินใจเดินออกมาแล้วก็บอกเลิกเขา เรื่องของผู้หญิงมันนานมากแล้ว เขาก็ทำให้เราเห็นว่าเขาพยายามไม่ทำให้มันเกิดขึ้นอีก เรื่องนี้มัน
   ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่อุ้มเป็นคนที่รักเขามากก่อนที่จะรักตัวเอง คิด ถึงเขามากก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง แต่เขาเป็นผู้ชายเขาก็จะคิดอีกแบบหนึ่ง แล้วการกระทำหลาย ๆ อย่างมันทำให้เรารู้สึกเหนื่อย เขาเองคงรู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน ถามว่าเราเจ็บมากไหม ก็เจ็บมากค่ะ แต่ ณ วันนี้ทำใจได้แล้ว เราเข้มแข็งแล้ว เหมือนมันกลายเป็นคนอื่นไปแล้ว เราไม่ได้ติดต่อกันมาพักใหญ่ ๆ แล้ว เขาเป็นคนบล็อกเฟซบุ๊กเรา บล็อกอินสตาแกรมเราก่อนด้วยซ้ำ เหมือนเป็นความผิดของอุ้มที่ตัดสินใจให้มันจบ เพราะฉะนั้นถ้าเขาจะทำอะไร เราก็ไม่มีสิทธิที่จะเสียใจอะไร”

“ก็เสียดายเวลา แต่ถามว่าวันนี้จะให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมไหม อุ้มมีคำตอบให้ตัวเองว่าอยู่แบบนี้สบายดีกว่า ตอนนี้อุ้มกำลังใจดีมาก คุณพ่อคุณแม่ให้กำลังใจ เพื่อนเราก็ต้องเข้าข้างเรา คือตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา อุ้มก็อยู่แต่กับเขา ปิดตัวเองไม่ได้ไปไหนกับใคร จนพอวันนี้เราอิสระก็ทำอะไรที่เราอยากทำ ไปเที่ยวก็ใส่บิกินีได้แล้ว ไม่ต้องเกรงใจใคร ไปออกกำลังกาย แล้วก็ทำอะไรที่ตัวเองมีความสุข โฟกัสอยู่กับงาน คือเราไม่ได้ว่างมากขนาดที่จะฟุ้งซ่าน อุ้มถ่ายละคร 7 วันจริง ๆ ตอนนี้น้ำหนักลงไป 5 กิโล ตอนแรกก็ยอมรับว่าตรอมใจ โคตรแย่ เพราะเราไปเกาหลีคนเดียว แล้วก็แอบหวังว่าถ้าเขารักเราจริง ๆ เขาต้องตามไป เราก็รอเขาที่สนามบิน คิดว่าถ้าเขามาทุกอย่างก็จะจบ แล้วเราจะไปเริ่มต้นกันใหม่ที่เกาหลี แต่เขาคงหมดรักแล้ว ซึ่งเขาบอกว่าเขาไม่กล้ามา กลัวเราจะไล่ แต่เราก็คิดว่ารู้จักกันมาตั้งนาน คุณไม่รู้จักนิสัยเราเลยหรอ ตอนนี้เราก็ยังไม่พร้อมจะเปิดใจให้ใคร เราไม่อยากคบใครแล้ว ไม่อยากมีใครสักคนมาแค่คลายเหงา คือที่ผ่านมาอุ้มก็จริงจังทุกครั้ง แล้วก็เจ็บทุกครั้งไม่เข้าใจเหมือนกัน ครั้งนี้มันคงเป็นโอกาสที่เราจะเลือกคนที่ดีที่สุด และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ส่วนถามว่าถ้าเขากลับมาแล้วจะเปิดใจคุยกันอีกรอบไหม คือทุกวันนี้เป็นเพื่อนกันยังคุยกันไม่ได้เลยค่ะ
แก้ว เผยว่า “ไม่เชิงห่างแบบนั้น แต่ห่างเพราะงานเยอะเลยไม่ค่อยได้เจอกัน ทุกวันนี้ก็คุยกันปกติ ถามว่าที่ผ่านมาคุยงอแงง้องแง้งบ่อยจริงไหม แก้วว่าน่าจะเป็นกันทุกคู่ที่ต้องมีช่วงดีบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่ช่วงนี้คู่เราอาจจะทะเลาะกันบ่อยหน่อยแต่ว่าก็ยังไม่ได้เลิกกัน ส่วนกระแสข่าวที่ว่าเคยเลิกกันไปแล้วแว้บหนึ่งนั้น ยืนยันว่าไม่มีค่ะ สถานภาพยังใช้คำว่าแฟนได้เหมือนเดิมค่ะ ส่วนภาพเดินกับหนุ่มตี๋ที่เยาวราช แก้วก็พยายามหารูปอยู่เหมือนกันแต่ไม่เจอเลย คิดว่าถ้าเดินกับผู้ชายน่าจะเป็นเพื่อนมากกว่า ซึ่งพี่ป้องก็รู้จักด้วยว่าเป็นใคร ตอนที่มีข่าวพี่ป้องก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะคุยกันอยู่แล้ว แค่งงว่าข่าวมาได้ยังไง น่าจะเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า เพราะแก้วไม่เคยไปยุ่งกับผู้ชายคนไหนแน่นอน คงไม่ถึงขั้นต้องอธิบายให้พี่ป้องฟัง เวลาพูดอะไรเขาก็รับฟัง เข้าใจ และเชื่อ ช่วงหลังที่บอกว่าทะเลาะสาเหตุจริง ๆ ก็ไม่เกี่ยวกับมือที่สาม ไม่เกี่ยวกับข่าว แต่อาจจะเป็นเพราะนิสัยของแต่ละคนด้วย บางทีก็ไม่เข้าใจกัน แต่ไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง อาจจะมีเข้าใจผิดกันนิดหน่อย เรายังคุยกันเหมือนเดิม ไม่ได้มากขึ้นหรือน้อยลง ส่วนเรื่องในอินสตาแกรมที่ช่วงนี้คนเห็นว่าแก้วชอบลงข้อความอะไรเศร้า ๆ อันนี้อยากจะออกมาพูดนานแล้ว เวลาลงข้อความอะไรแบบนี้ไม่ใช่ว่าตัวเองแล้วถึงลง บางทีอาจจะลงให้เพื่อนก็มี เจออะไรเด็ด ๆ โดน ๆ ก็เอามาลงให้แฟน ๆ ได้ดูกัน”
หวาย เผยว่า “ตอนนี้ความรักก็เรื่อย ๆ เราก็มีพาเขาไปเจอครอบครัวแล้ว เขาก็เข้ากับครอบครัวเราได้ดี ส่วนจะเป็นการการันตีตำแหน่งลูกเขยเลยรึเปล่า อันนี้ต้องถามคุณแม่ดู คือเราก็รู้จักกันมามากกว่า 2 ปีแล้ว ความสัมพันธ์มันก็เรื่อย ๆ แต่ตอนนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย เพราะเขาก็ยุ่งกับการชกมวยไทย หวายก็ยุ่งกับการร้องเพลงของหวาย เลยไม่มีเวลาได้เจอกัน ส่วนกลัวเวลาที่ไม่เจอกันจะทำให้เกิดปัญหารึเปล่า คือหวายว่ามันไม่ควรที่จะมีปัญหา ถ้ามีปัญหาเราก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะต่างคนต่างยุ่งจริง ๆ และเราไม่มีเวลาให้กัน ถ้าเราคุยไม่ได้จริง ๆ เราก็ต้องเข้าใจกัน ช่วงนี้จะเรียกว่าห่างกันก็ได้ ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกันมากเหมือนเดิมแล้ว” พูดแบบนี้กลัวคนตีความว่าเลิกกันมั้ย? “จะคิดยังไงก็ได้ ความสัมพันธ์เราก็เป็นเพื่อนเหมือนเดิม เพราะว่าเราไม่เคยเรียกว่าแฟน ส่วนช่วงนี้ลดระดับความสัมพันธ์แล้วรึเปล่า ก็ถามเขาละกัน แต่สำหรับหวายเรายังเป็นเพื่อนสนิทอยู่แหละ แค่ต่างคนต่างยุ่ง ถามว่าเรามีน้อยใจเรื่องเวลากันบ้างมั้ย ก็นิดนึงนะ แต่เราทำงานด้วย จะไปน้อยใจไม่ได้”

เคยมีคิดหาเวลาไปเที่ยวเติมความหวานมั้ย? “ไม่ค่ะ เพราะว่าเขาไม่ได้มากรุงเทพฯ เลย ตอนนี้เขาก็อยู่บางสะพานค่ะ คือนอกจากเวลาแล้ว ระยะทางก็ห่างกันด้วย แต่มันก็เป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เราก็เข้าใจ คือหวายว่าเรื่องอย่างนี้มันต้องไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันกำหนดได้ว่ามันจะเป็นยังไง เขาเองก็ดูไม่นอยด์กับเรื่องพวกนี้นะ ส่วนหวายก็ไว้ใจเขาอยู่แล้ว ถ้าเขาทำอะไรให้เราเสียใจ เดี๋ยวเราก็รู้เองในวันหนึ่ง แต่เรื่องผู้หญิงเขาเองก็ไม่มีให้เราเห็นเลย ไม่กลัวมือที่ 3 ค่ะ ด้านเราเองก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบเหมือนกัน เพราะสนิทกับนักมวยขนาดนี้ คือเราจริงใจ ไม่มีอะไรต้องปิดบังค่ะ”.
บีม เผยว่า “จริง ๆ เรามีออกงานด้วยกันบ้างแล้ว แต่ปกติเราสองคนไม่ค่อยออกงานเท่าไหร่ เราชอบทำกิจกรรมส่วนตัวมากกว่า ถามว่าเราคุยเรื่องแต่งงานกันบ้างมั้ย ก็คุยเรื่อย ๆ นะ ดูเรื่องความมั่นใจ ตอนนี้ก็คบมา 3 ปีแล้ว ก็มีเรื่องความมั่นใจในกันและกัน ส่วนเรื่องการปรับเข้าหากัน คือโจทย์มันก็มีทุกวัน แต่ว่าทุกอย่างมันก็นิ่งขึ้นทุกวัน ทุกวันนี้แฮปปี้ ก็ตั้งไว้ว่าอีกสักปีสองปีก็อาจจะแต่ก็เป็นเรื่องอนาคต บ้านเขาก็น่ารัก ไม่เคยเร่งครับ” ช่วงนี้ดูผอมลงคนมองว่าป่วยรึเปล่า? “เปล่าครับ จริง ๆ ผมลดน้ำหนักด้วย เล่นละครด้วย และเราก็อยากให้ตัวเบา ๆ ช่วงนี้เลยออกกำลังกายเยอะ ก็ลดน้ำหนัก 12 กิโลแล้ว คือเรากินโปรตีน ทานยาและก็วิ่งเยอะ ตอนนี้ลดพอแล้ว คิดว่าจะเพิ่มน้ำหนักให้ได้ 2 กิโลกรัม แต่เอาเป็นกล้ามอย่างเดียว เพราะเรื่องต่อไปเราจะเล่น “รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน”ก็เล่นเป็นยากูซ่าญี่ปุ่น มันเลยต้องมีกล้ามหน่อยครับ”
เมื่อนางเอกสาว ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต เป็นนักแสดงสาวชาวไทยคนแรกที่ได้ปรากฏกายบนพรมแดงใหญ่ในเทศกาลภาพยนตร์เมือง คานส์ ครั้งที่ 66 ที่ประเทศฝรั่งเศสประกบกับ มิลล่าโจโววิช นักแสดงชาวอเมริกัน ตามคำเชิญของผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของเทศกาลภาพยนตร์ครั้งนี้ ที่เชิญมาชมรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง คลีโอพัตรา
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้างานซูเปอร์สตาร์สาวก็เรียกเสียงแฟลชจากช่างภาพในงานได้ ไม่แพ้ดาราจากฮอลลีวูดโดยชมพู่ มาในชุดเดรสสีเขียวฟูฟ่อง ผสมกับผ้าซาตินจาก แบรนด์ แซค โพเซ่น  คอลเลกชั่นสปริงปี ค.ศ. 2013 ชุดเดียวกับที่นักแสดงฮอลลีวูด ซาราห์ เจสสิกา พาร์กเกอร์ ถ่ายในนิตยสารฮาร์เปอร์ บาร์ซาร์ ฉบับประเทศจีน ประกอบ
กับคลัช จากแบรนด์ เดวี โครเอลล์  และสไตล์การแต่งหน้าแนว แคท อาย ที่น่าทึ่ง

ซึ่งงานนี้เว็บไซต์ต่างชาติ และบล็อกหลาย ๆ แห่งก็ได้เขียนถึง  ได้เขียนถึงการแต่งตัวของสาวชมในสไตล์เทพนิยายว่า “เหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยาย” และชมว่าค่อนข้างเพอร์เฟกต์ทีเดียว ซึ่งเว็บดังกล่าวยังได้เขียนแซวอีกว่า พวกเขามั่นใจว่า นักแสดงเอเชียอย่าง ฟ่าน ปิงปิง กับ จาง อี่ว์ฉี จะต้องเสียใจที่ไม่ได้ใส่ชุดนี้ก่อนแน่ ๆ.