Saturday, April 20, 2013

ละคร “เสือสมิง” เพิ่งจะลาจอไปไม่นาน ล่าสุดนางเอกสาวตากลม จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข ก็มีงานภาพยนตร์ “คอฟฟี่ พลีส” และละครช่วงเย็น “ลิเกเงินร้อย” ของผู้จัด เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา ต่อทันที งานนี้หลายคนมองว่าสาวจั่นคิดมากหรือเปล่าที่ถูกจับมาเล่นละครเย็น สาวจั่นยืนยันไม่คิดมาก ขอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

จั๊กจั่น เผยว่า  “ตอนนี้กำลังถ่ายทำละคร  “ลิเกเงินร้อย” ของผู้จัดละคร พี่เติ้ล-ตะวัน เล่นคู่กับ น้ำ-รพีภัทร เรื่องนี้ถ่ายไปได้สักพักแล้ว และจริง ๆ จะออนแอร์ต่อจาก “ปิ่นรัก” เลย แต่ด้วยความที่ละครของ น้ำ-รพีภัทร ออกมาต่อเนื่อง เลยอาจจะต้องเว้นระยะนิดหนึ่ง สำหรับละครเรื่องนี้สนุกมาก ต้องร้องและรำลิเก ตอนแรกมีปัญหาเรื่องร้องลิเก แต่คุยกับพี่เติ้ลแล้ว พี่เติ้ลบอกว่าไม่ต้องเครียดมาก เพราะเราจับพลัดจับผลูมาเป็นนางเอกลิเก เพราะเราหนีการแต่งงานเข้าไปอยู่ในคณะลิเก ไม่ต้องเก่งตั้งแต่แรกก็ได้ แต่ค่อย ๆ มีพัฒนาการไป ก็เลยสบายใจ เล่นมาได้สักพักแล้วทักษะก็ดีขึ้น    จั่นไม่ค่อยหนักใจมาก เพราะมีครูที่เป็นนางเอกลิเกมาสอนร้อง ตลอดเวลา ท่ารำจะมีท่าพื้นฐาน ไม่อ่อนหวานเท่ารำไทย แต่ยากตรงร้องให้เป็นคำกลอน” เท่าที่เห็นผลงานตัวเองพอใจไหม? “จั่นยังไม่ได้ดู แต่พี่เติ้ลบอกว่าสนุกดี เราก็ดีใจที่ผู้จัดมาชม ที่ได้มาเล่นเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้เราเคยร่วมงานกับพี่เติ้ลใน “มือปราบมหาเฮี้ยน” แต่ตอนนั้นพี่เติ้ลยังไม่ได้เป็นผู้จัด จั่นก็แซวเขาว่าอย่าลืมเอาเราไปเล่นละครบ้างนะ”

นอกจากนี้มีเรื่องอะไรอีก? “หนัง “คอฟฟี่ พลีส” ช่วงหลังมีงานหนังเรื่อย ๆ เพราะเรารับงานหมด งานหนังมีเสน่ห์ตรงที่คนที่จะไปดูต้องเสียเงินเข้าไปโดยเฉพาะ เขาก็จะตั้งใจชมกันมาก และเหมือนกับจอภาพยนตร์ใหญ่ จะดึงดูดคนให้ชม ละครอาจจะทำอย่างอื่นไปด้วยดูไปด้วยได้ จั่นอยากลองงานหลาย ๆ อย่าง เริ่มติดใจงานหนังแล้ว จั่นก็ดีใจที่ได้มีโอกาสทำงานหลาย ๆ อย่างค่ะ” มารับเล่นละครเย็นกลัวคนมองไหมว่าลดบทบาท? “จั่นไม่ซีเรียส เพราะเรารับงานปกติ ละครเย็นก็เคยรับมาแล้ว ตอนอยู่เอ็กแซ็กท์ก็เล่นมาหมด เรามองว่าเราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดดีกว่า ถ้าเราทำเต็มที่คนก็เห็นเอง”.

Monday, April 1, 2013

เรียกว่าเป็นนักแสดงตัวแม่ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความแรงและตรงของคำพูดจริง ๆ สำหรับสาว พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ที่ล่าสุดได้โพสต์ข้อความผ่าน อินสตาแกรมส่วนตัวต่อว่าคนที่เข้ามาว่าเธอและเพื่อนของเธอด้วยถ้อยคำไม่ สุภาพ จัดหนักซะขนาดนี้เลยต้องให้สาวพลอยแจงสักหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น พร้อมอัพเดทเรื่องรักกับหนุ่ม ต้าร์-นาวิน เยาวพลกุล ที่แว่วว่าตอนนี้อยากแต่งงานแล้วด้วย

พลอย เผยว่า “คือจริง ๆ แล้ว พลอยเป็นแนวตลกร้าย เป็นคนแบบตรงไปตรงมา หลายคนอาจจะมองว่าเราใช้อารมณ์หรือเปล่า คนพร้อมมองพลอยในแง่ลบเสมอ พลอยคงต้องชี้แจงด้วยเหตุและผล เพราะว่าพลอยไม่ชอบที่เขามาว่าเพื่อนพลอยเป็นนู่นนี่นั่น ถ้าคุณแน่จริงคุณก็ไม่ต้องเซตไพรเวทมาด่าชาวบ้าน พลอยก็อธิบายว่า พลอยยอมเป็นอย่างที่คุณว่าดีกว่าเป็นคนแบบนั้น คือมันก็สมเหตุสมผลนะ เราไม่ได้ไปแลกกับอะไร ตอนที่โพสต์มันไม่ได้รู้สึกโมโหนะ แค่รู้สึกว่าพอแล้วมั้ง นิสัยแบบนี้มันไม่น่ารัก ที่พลอยทราบเรื่องเพราะพลอยเป็นคนเช็กตลอด แล้วก็ไม่ชอบที่แท็กมาด่าเพื่อนเรา ถามว่าผัวใหม่เหรอ นึกออกไหม เห็นครั้งแรกคือเราไม่ได้ฉุน ไม่ได้โกรธ บอกแล้วไม่มีอารมณ์ แต่แค่รู้สึกว่าต้องจัดการ ส่วนจะมีการบล็อกไหม ตอนนี้อินสตาแกรมพลอยมีทีมไว้บล็อกอยู่แล้ว คนที่เข้ามาแล้วใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพก็จะบล็อกไปเลย พลอยว่าอะไรที่มันเป็นขยะก็ต้องทิ้งไป พลอยโดนด่าแรงกว่านั้นอีก พลอยไม่เคยไปด่าไอจีใครนะ ถามว่าจะมีไปหาต้นตอคนที่ด่ารึเปล่า จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ เราแค่แสดงความคิดเห็นเพราะทุกคนก็มีสิทธิ เราก็ต้องมองมุมกลับกันบ้าง อย่าคิดว่าเราร้ายเหมือนรำพึง พลอยรู้สึกว่าตอนนี้พลอยเหนื่อยแทนแฟนคลับตัวเอง พอคนหนึ่งเข้ามาด่า แฟนคลับเราก็เป็นเดือดเป็นร้อนไปด่าเขาอีก กลายเป็นว่าอินสตาแกรมเรา คนก็ไปนั่งรุมด่าคนโน้นคนนี้ คือเราสงสารแฟนคลับเราที่เขาปกป้องเรา คงไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเรื่องไม่ดีอะไร พลอยไม่อยากให้แฟนคลับเราต้องมานั่งสู้รบกับคนพวกนี้ เลยคิดว่าพอแล้วมั้ง ถ้าคุณไม่ชอบก็ออกไปเลย ไม่ต้องมาฟอลโล่ เพราะเราไม่สนยอดฟอลโล่เว่อร์อยู่แล้ว พลอยสนแค่ว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่เรารักและเราแคร์แค่นั้นเอง”

กลัวคนมองว่าจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีไหม เพราะคำพูดเราค่อนข้างหนัก? “ต้องไปมองทางอื่นนะคะ ถ้าจะมองว่าเลวเอาตำรวจมาจับเราเลย พลอยว่า (หัวเราะ) ทำไมต้องเป็นดาราแล้วพูดไม่ได้ล่ะคะ พลอยว่าอย่ามาโยงเรื่องเยาวชนดีเด่นกับพลอยดีกว่า พลอยไม่รับ คำพูดที่พลอยพูดโอเคนะ ต้องมองในสิ่งที่เขาเขียนมันคืออะไร อย่ามาเจาะจงว่าพลอยใช้คำอะไร ต้องมองที่ว่าพลอยโดนคำด่าอะไร ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ดาราหรือตำรวจ คุณก็ไม่ควรพูดจาอย่างนี้กับใคร เพราะฉะนั้นอย่ามาโยนให้พลอย เราก็ต้องมองภาพรวมด้วย เพราะในนั้นถ้าพลอยไม่ดีจริง ทุกคนก็ต้องมาด่าพลอยแล้ว ทุกคนก็คือช่วยเรา พลอยว่าตรงนี้เรามองเรื่องอื่นดีกว่า พี่ต้าร์เขาไม่ค่อยเล่นอินสตาแกรม แต่เขาก็พอทราบข่าวบ้าง เขาก็เป็นห่วงตามเรื่อง เขาก็รู้สึกไม่ชอบ คือคนมันงี่เง่า ดาราหลายคนโดนเยอะ หรือไม่ก็ปลอมเป็นเราแล้วก็ไปด่าชาวบ้านด้วย คือพลอยคิดว่าการทำร้ายคนอื่นด้วยถ้อยคำที่มันทุเรศอย่างนี้ พอเหอะค่ะ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นมีประโยชน์ดีกว่า ถ้าคุณมานั่งด่าว่าแม่พลอยขายตัวหรืออะไรอย่างนี้ ถามหน่อยว่าสิ่งที่คุณทำมันสมควรไหม ก็ไม่ควรใช่ไหม” ถามถึงเรื่องต้าร์เห็นว่าตอนนี้อยากแต่งงานแล้ว พลอยว่ายังไง? “พลอยไม่เชื่อในเรื่องแต่งงานค่ะ เพราะว่าต้องใช้เวลา พ่อแม่เลิกกันหมดเลย เป็นเรื่องที่ทำใจยาก คือพลอยยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องการอะไร คือปัญหาการหย่าร้างมันเกิดจากการแต่งงานนั่นแหละ เพราะฉะนั้นพลอยไม่อยากรีบ พลอยขอสบาย ๆ ดีกว่า ถ้ารักกันจริงก็อยู่ด้วยกันไปตลอด ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน เพราะว่าอย่างที่บอก แต่งงานมันจะมีเรื่องอย่างที่ว่างานต้องใหญ่ขนาดไหน สินสอดต้องเท่าไหน ต้องมีพิธีแบบไหน ชุดต้องสวย มันเหนื่อย พี่ต้าร์เขาเข้าใจค่ะ คนที่อยู่ด้วยกันได้ ต้องเข้าใจกัน เรารักกันได้ แต่เราไม่ต้องการครอบครองกันค่ะ”.
น.ส.เอื้องฟ้า ใครอุบล” วัย 22 ปี จากเด็กบ้านห้วยน้ำเที่ยง ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้องที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าประกวดร้องเพลงเหมือนคน อื่น เพราะที่บ้านไม่ได้ส่งเสริมมากมายนัก เพราะคิดว่าลูกน่าจะมีอาชีพอื่น โดยมีคุณพ่อเป็นช่างภาพที่ตระเวนถ่ายภาพตามงานต่าง ๆ ซึ่งทำให้เด็กสาวคนนี้ติดตามพ่อไปด้วยทุกหนทุกแห่ง และได้ไปขอเจ้าภาพที่จ้างพ่อไปถ่ายรูป ร้องเพลงในงานนั้น ๆ ได้เงินมาพอเป็นค่าขนมให้กับน้องสาว...จนเป็นที่รู้จักของวงอิเล็กโทนที่ เล่นตามงาน ด้านการศึกษาเธอเรียนจบมัธยมแล้วไปต่อสารพัดช่างสมุทรปราการ แต่ก็เรียนได้แค่ปีเดียวเพราะไม่มีเงินเรียนต่อ
เธอยึดอาชีพร้องเพลงตามงาน พอมีรายได้จุนเจือครอบครัว และเหมือนดวงเปิดเมื่อไปเจอ “พี่แหวง” มือกีตาร์วงกาแฟ ตอนนั้นอยู่ค่ายผักเป็นเรคคอร์ด กำลังแคสติ้ง
หานักแสดงไปเล่นมิวสิกวิดีโอ เธอจึงมีความหวังว่าจะได้มีงานทำมีรายได้เพิ่ม จึงไปสมัครแต่พอไปสมัครแล้วปรากฏว่าทางค่ายสัมภาษณ์มองเห็นแววความสามารถ ด้านการร้องและบุคลิกหน้าตา น่าจะเป็นนักร้องมากกว่า
ก่อนเริ่มทำงานเพลงเธอต้องซ้อมร้องเพลงกว่า 5 เดือน ก่อนจะได้บันทึกเสียง จนผลงานเพลงเสร็จสมบูรณ์ วันนี้ “น.ส.เอื้องฟ้า” ถูกเจียระไนกลายเป็นศิลปินที่
ชื่อ ’ปลายฟ้า“ มีผลงานเพลงชื่อ “มนต์รักพรรคคนรักแฟน” และ “ในยามที่เราเหินห่าง” ซึ่งเป็นฝีมือการแต่งเพลงของ “เป๊กจือ” ถือเป็นการแจ้งเกิดครั้งแรกในชีวิตของเธอ
รักกันหวานอยู่ดี ๆ ก็มีคนปล่อยข่าวเลิกราออกมาให้ปวดหัวไม่หยุดสำหรับคู่รักอย่างนักแสดงสาว นุ่น-รมิดา ประภาสโนบล กับหวานใจพระเอกหนุ่ม หลุยส์ สก็อต งานนี้มีโอกาสเจอตัวเลยอัพเดทความรักสักหน่อย เจ้าตัวยอมรับว่าแต่ก่อนไม่คิดมากที่คนปล่อยข่าวเลิกกัน แต่ตอนนี้เจอบ่อยเข้าก็เริ่มท้อ เพราะไม่อยากมานั่งแก้ข่าวว่ารักหวานแค่ไหน

นุ่น เผยว่า “ความรักช่วงนี้มีเวลาเจอกับหลุยส์ ถ้าไปกองซิกเซ้นส์ก็จะเห็นนุ่นบ้าง เพราะถ้านุ่นว่างก็ไป เราไม่ได้ไปเฝ้านะ แต่มันไม่มีเวลาข้างนอกก็อยู่ด้วยกันกินข้าวในกองนั่นแหละ แต่ก็มีข่าวออกมาเป็นระลอกว่าห่างกับหลุยส์ก็มีท้อบ้าง เพราะหนูเจออะไรมาเยอะกว่าที่หลุยส์ต้องเจอ แต่หลุยส์ก็แค่รู้สึกเหนื่อย หนูก็รู้สึกว่าอะไรทำไม เราก็พยายามอยู่กันอย่างเงียบ ๆ ไม่เอิกเกริกไม่ค่อยรับงาน ไม่อยากให้โดนด่าว่าสร้างภาพอยากได้ตังค์ ไปห้างก็ไม่ค่อยมีภาพนะ อินสตาแกรมก็พยายามระวังตัว ไม่ได้อยากให้เป็นข่าว ถามว่าเราให้กำลังใจกันยังไง ไม่คุยเรื่องข่าวเลย นุ่นเจอสื่อน้อย ไม่เจอข่าวไม่อ่านข่าว ข่าวก็คือข่าวเรารู้ว่าอะไรคืออะไรที่เราปฏิบัติต่อกัน ข่าวเลิกกันหรือข่าวหลุยส์ไปกิ๊กกับคนอื่น แต่เรารู้อยู่แก่ใจว่า เวลาอยู่ด้วยกันมีใครโทรฯมามั้ย ถ้ามีนุ่นต้องรู้แน่นอน และถ้านุ่นเปลี่ยนไปหลุยส์ก็ต้องรู้ ปฏิกิริยาของคนโกหกมันจะแปลกแต่ตอนนี้มันไม่มีค่ะ เข้าใจว่ามันเป็นธรรมเนียม มันก็ต้องมีข่าวมีกระแส แต่เรารู้ว่าเราสองคน เรารู้สึกแฮปปี้มาก แต่มีข่าวว่าเลิกกันแล้วเหรอ เราก็ต้องมานั่งอธิบายในสิ่งที่มันไม่ใช่ ไม่อยากออกมาพูดว่าจริง ๆ แล้วแฮปปี้มาก ช่วงที่เราถูกถามเรื่องแต่งงานบ่อย เพราะด้วยวัยของเราด้วย อายุ 30 แล้ว มันคงถึงเวลา แต่จริง ๆ แล้วสมัยนี้ 30 ก็รู้สึกเหมือน 20 กว่าอยู่เลย ไม่รู้สึกว่าโตไปมากกว่านี้ เรายังไม่ได้มองว่าจะแต่งหรือไม่แต่งแต่ในใจลึก ๆ
ของทั้ง 2 คนก็คิดว่าจะแต่งงาน แต่ถามว่าจะใช่กับหลุยส์มั้ยหรือหลุยส์จะใช่กับหนูมั้ยมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้เราไปด้วยกันได้ดี ไม่มีปัญหากันเลย ปัญหาก็น้อย รู้สึกดีมากกว่า อยู่ด้วยกันแล้วแฮปปี้มากกว่า”.
เพิ่งจะเจอข่าวเกาเหลากับ สาว อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ไปได้ไม่ทันไร ล่าสุดสาว ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เกต ก็เจอกระแสข่าว นางเอกสาวรุ่นน้อง แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ออกอาการไม่พอใจที่สาวชม ไปแย่งซีนในงานประกาศรางวัลงานหนึ่ง ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวสาวชมในงานเปิดตัวคอนโด เซ็นเน็กซ์ เขาใหญ่ คอนโดมิเนียม ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ เจ้าตัวเลยปฏิเสธเรื่องนี้ว่า

“ได้ยินแบบผ่าน ๆ ก็ให้มันผ่านไปแล้วกัน ไม่ได้มีอะไรเลย กับน้องแพนเคยมีข่าวแบบนี้แล้วทีนึง แต่ไม่มีอะไร ก็งงเหมือนกัน แต่ไม่อะไรหรอกค่ะ ช่วงนี้ยังไม่เจอกันเลย จำได้ว่าเห็นแวบ ๆที่งานประกาศรางวัล จำได้ว่าเห็นน้องขึ้นไปรับรางวัล ใส่กางเกงขายาววิ้ง ๆ จำได้แค่นั้น แต่ไม่มีโอกาสได้ทักกัน ส่วนข่าวที่ว่าไปร่วมงานด้วยกัน แล้วเราแย่งซีน น้องเลยไม่พอใจ ชมว่างานแบบนี้ โดยเฉพาะเป็นงานที่สื่อจัด ไม่มีใครคิดอะไรแบบนี้หรอก เพราะเราไปด้วยสปิริต ไปด้วยน้ำใจ ไม่มีใจคิดเรื่องหน้า เรื่องซีน อะไรอย่างนี้หรอกค่ะ คิดมากกันไป ไม่มีอะไรเลยค่ะ น้องน่ารัก ส่วนงานวันเกิด ปู-ไปรยา ชมไม่ได้ไปนะคะ ก็แฮปปี้เบิร์ธเดย์ปกติ ถ้ามีรูปใครอะไรอย่างนี้ก็เอาขึ้นอินสตาแกรม ให้อยู่แล้ว ส่วนที่หลายคนจับตามองว่าเพราะเป็นว่าที่สะใภ้เล็ก คือไม่หรอกจริง ๆ ปูก็เป็นน้องที่น่ารัก สุดท้ายไม่ว่าอะไรมันจะลงเอยยังไง เขาก็เป็นน้องที่น่ารักคนหนึ่งเท่านั้นเอง เราไม่ได้มองว่าเขาเดทกับโน้ต ก็เห็นกันมาตั้งนานแล้ว พวกแก๊ง ๆ ผู้จัดการ ก็เป็นก๊วนเดียวกันหมด ผู้จัดการปู ก็สนิทกับผู้จัดการชม เราไม่ได้คิดว่าเขาเป็นแฟนใคร แต่คิดว่าเขาเป็นพวกเราเท่านั้นเอง ดาราทุกคนที่ทำงานด้วยกันก็จะสนิทกันหมด ถามว่ามีปรึกษาเรื่องหวานใจกันบ้างไหม ก็ไม่ปรึกษาหรอก ของใครของมัน เจอกันก็คุยสัพเพเหระเรื่องอื่นไป”

“ส่วนเรื่องธุรกิจเต้าหู้ไข่ หลาย ๆ ที่ก็ขายดี จนขนาดเอาสตาฟฟ์ที่ออฟฟิศมายืนอยู่หน้าเชลล์วางสินค้า เพื่อสะกิดพนักงานห้างว่าของหมดแล้ว เพราะกลัวปัญหาของขาด เพราะมีฟีดแบ็กว่าคนไปหาซื้อแล้วไม่มี ไม่เจอ แต่ก็อยากจะฝากบอกว่าอีกแป๊บเดียว เรากำลังทยอยลงเซเว่น แต่กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ เพราะว่ามันก็ใช้เวลาเป็นเดือนเหมือนกัน กำลังการผลิตเราทำได้เต็มที่อยู่แล้ว แต่ต้องดูว่าดีมานด์ จากตลาดจะเป็นเท่าไหร่ ตอนนี้ก็ชื่นใจค่ะ ก็คงลุยต่อค่ะ หลังจากวางขายไปทั่วประเทศจริง ๆ อะไรก็น่าจะสดใส สำหรับเรื่องส่งออกนอก หุ้นส่วนเราจะถนัดกว่า ก็วางแผนไว้ว่าจะส่งออก 11 ประเทศ ส่วนมากก็จะเป็นประเทศในเอเชีย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เป็นในปีนี้ค่ะ”